พญามังราย
พระราชประวัติ
พญามังรายเป็นโอรสของพระเจ้าลาวเม็งเชื้อสายวงศ์ลาวจังราชเจ้าผู้ครองหิรัญนครเงินยาง(อ.เชียงแสนปัจจุบัน) กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง ราชธิดาของท้าวรุ่งแก่นชายเจ้าเมืองเชียงรุ่ง ท้าวรุ่งแก่นชายทรงตั้งพระนามพระธิดาใหม่ว่าพระนางเทพคำ ข่ายหรือเทพคำขยายเพื่อเป็นมงคลนาม พญามังรายเป็นเชื้อสาย ของพระเจ้าลวจังกราชปกครองชนเผ่าไทยยวน ซึ่งมีอาณาจักร ของตนเรียกอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง ได้สร้างเมืองหิรัญนครเงินยางเป็นเมืองหลวงขึ้นทีริมฝั่งแม่น้ำโขงเมื่อประมาณ พ.ศ. 1182 พญามังรายประสูติวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ สัมฤทธิ์ศกจุลศักราช 600 (พ.ศ. 1781) เวลาย่ำรุ่ง พญามังรายมีโอรส 3 องค์ ได้แก่ เจ้าขุนเครื่อง เจ้าขุนคราม (ไชยสงคราม) และเจ้าขุนเครือ พญามังรายสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 1860 รวมพระชนมายุ 79 ชันษา พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งล้านนาไทยและเป็นยุคเดียวกับพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พระร่วง) แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสองพระองค์ยังเป็นพระสหายร่วมสาบานเดียวกันอีกด้วย
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งล้านนาไทยและเป็นยุคเดียวกับ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พระร่วง) แห่ง กรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสองพระองค์ยังเป็นพระสหายร่วมสาบานเดียวกันอีกด้วย พระเจ้าเม็งรายมหาราชได้พระสูติเมื่อ พ.ศ.1782 ในเชื้อพระวงศ์ ทรงพระนามว่า "เม็งราย" พระบิดาทรงพระนามว่า พระเจ้าลาวเม็ง (ขุนลาวเม็ง)หรือขุนลาวเมือง มารดาคือนางเทพคำขยาย (พระนางเทพคำข่าย หรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง) กษัตริย์ผู้ครองเมืองหิรัญนครเงินยางปัจจุบันเป็นอำเภอเชียงแสน
จ.เชียงราย
เมื่อพระชมน์มายุได้ 21 พรรษา ได้เสวยราชย์ที่เมืองหิรัญนครเงินยาง
พ.ศ.1802 เจ้าเมืองทั้งหลายในแคว้นล้านนา ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์
พ.ศ.1805 ทรงสร้างเมืองใหม่ โดยเอาดอยจอมทองเป็นกำแพง ขนานนามว่า "เมืองเชียงราย" (ปัจจุบัน จ.เชียงราย)
พ.ศ.1811 ทรงสร้างเมืองใหม่ขึ้น ณ ตำบลฝาง (ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
มีพระราชโอรส 3 พระองค์ คือ เจ้าขุนเครื่อง เจ้าราชบุตรคราม เจ้าราชบุตรเครือ
พ.ศ.1814 - 1824 ยกทัพตีเมืองหริภุญชัยได้ (ปัจจุบัน จ.ลำพูน)
พ.ศ.1819 ยกทัพตีเมืองพะเยา (ปัจจุบัน จ.พะเยา) พญางำเมือง ผู้ครองเมืองพะเยาต้อนรับด้วยไมตรีและเป็นมิตรต่อกัน 4 ปีต่อมา พระขุนรามคำแหงมหาราช พระเจ้าเม็งรายมหาราชและพญางำเมือง ได้กระทำสัตย์ปฏิญานต่อกัน โดยทรงเอาโลหิตที่นิ้วพระหัตถ์ผสมน้ำสัตย์เสวยทั้ง 3 พระองค์ว่าจะไม่เบียดเบียนกันตลอดชีวิต สถานที่นี้เรียกว่าแม่น้ำอิงจ.พะเยา
พ.ศ.1829 ทรงสร้างเมืองกุมกาม (ปัจจุบัน ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่)
พ.ศ.1833 - 1834 ยกทัพไปตีเมืองพุกามพม่าได้สำเร็จ ได้พาเอาช่างฝีมือมาทำงานที่อาณาจักรล้านนา
พ.ศ.1839 ทรงสร้างเมืองใหม่ ขนานนามว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" (ปัจจุบัน จ.เชียงใหม่) ทรงปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งรายและสถาปนาอานาจักรล้านนา ในปีเดียวกันทรงสร้างวัดเชียงมั่น และวัดพระเจ้าเม็งราย (ก๋าละก้อด)
พ.ศ.1860 พระชนมายุได้ 78 พรรษา ได้เสด็จสวรรคตที่ต้นโพธิ์กลางเวียง จึงมีประเพณีมิให้นำศพผ่านกลางเวียงตั้งแต่บัดนั้นมา
การศึกษา
ทรงศึกษาศิลปศาสตร์และยุทธพิชัยสงคราม จากพระอาทิตย์ที่พระบิดาหาให้ และศึกษาวิชากับเทพอิสีฤๅษี ณ ดอยด้วน (อยู่ในเขตอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย) และศึกษาร่วมสำนักเดียวกันกับพ่อขุนรามคำแหงและพ่อขุนงำเมือง ณ เขาสมอคอน ละโว้ (ลพบุรี)
เมื่อพระชนมายุได้ 20 ชันษา พระเจ้าลาวเม็งสวรรคต พญามังรายเสวยราชสมบัติปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางสืบต่อมา นับเป็นราชกาลที่ 25 แห่งราชวงศ์ลวจังกราช เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติแล้วก็ทรงพระราชดำริว่า แว่นแคว้นโยนก ประเทศนี้ มีท้าวพระยาหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของปู่เจ้าลาวจก (ลวจังกราช) ต่างก็ปกครองอย่างสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกประการหนึ่งบ้านเมืองใด หากมีผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองมากเจ้าหลายนายก็มักจะสร้างความทุกข์ยากให้แก่ ไพร่บ้านพลเมืองของตน และถ้าหากมีศัตรูต่างชาติเข้าโจมตีก็อาจจะเสียเอกราชของชนชาติไทยได้โดยง่าย
ฉะนั้นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง พญามังรายจึงมีพระประสงค์ที่จะรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วิธีดำเนินตามนโยบายก็คือ แต่งพระราชสาสน์ไปถึงบรรดาหัวเมืองต่างๆ ให้เข้ามายอมอ่อนน้อมในบรมโพธิสมภารของพระองค์เสียแต่ โดยดีหาไม่แล้วพระองค์จะทรงยกกองทัพไปปราบปราม
พ.ศ. 1805 พญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงรายโดยการก่อกำแพงเมืองโอบเอาดอยจอมทองไว้ท่ามกลางเมือง ต่อมาตีได้เมืองของ ชาวลัวะคือ ม้งคุมม้งเคียนแล้วขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงตุง
พ.ศ. 1818 ขณะที่ประทับที่เมืองฝาง ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างมาแต่ครั้งพระเจ้าลวจังกราช เมืองฝางมีอาณาเขตติดต่อกับอาณาจักรหริภุญชัย ของพญายีบา พญามังรายทรงทราบเรื่องราวของความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ของเมืองหริภุญชัย พระองค์ทรงมอบ ให้อ้ายฟ้าขุนนางเชื้อสายลัวะเป็นผู้รับอาสาเข้าไปเป็นไส้ศึกทำกลอุบายให้พญายีบามาหลงเชื่อ และทำให้ชาวเมืองหริภุญชัยเกลียดชัง พญายีบา พญามังรายทรงมุ่งมั่นที่จะขยายพระราชอำนาจเหนือดินแดนลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนให้ได้ จึงมอบเมือง เชียงรายให้แก่เจ้าขุน เครื่องปกครอง ส่วนพระองค์มาประทับที่เมืองฝาง ต่อมาพระองค์ทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองพม่า แต่ด้วยเกรงในพระราชอำนาจ จึงถวายพระนางปายโคเป็นพระมเหสี เมื่อพระนางอั้วมิ่งเวียงไชยทราบก็ทรงสลดพระทัย เนื่องจากทรงระลึกได้ว่าพญามังรายทรงผิดคำสาบาน ที่พระองค์ทรงสาบาน ในเมื่อประทับ อยู่ที่เชียงแสนว่า จะมีมเหสีเพียง พระองค์เดียว พระนางจึงสละพระองค์ออกจากพระราชวัง ออกบวชชี ซึ่งเชื่อกันว่า ต่อมาบริเวณที่พระนางไปบวชนั้น เป็น เวียงกุมกาม
พ.ศ. 1824 อ้ายฟ้าสามารถทำการได้สำเร็จ โดยหลอกให้พญายีบาเดินทางไปขอกำลังพลจากพญาเบิกเจ้าเมืองเขลางค์นคร พญามังรายจึงสามารถเข้าเมืองหริภุญชัยได้พระองค์ทรงมอบเมืองหริภุญชัยให้อ้ายฟ้าปกครอง ส่วนพระองค์ได้มาสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่ง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือให้ชื่อว่า เมืองกุมกาม หรือเวียงกุมกาม ต่อมาพญามังรายทอดพระเนตรชัยภูมิระหว่างดอยสุเทพ ด้านตะวันตกกับแม่น้ำปิง ด้านตะวันออก ทรงพอพระทัยจึงเชิญพระสหาย คือ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) และพญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา มาร่วมปรึกษาหา รือการสร้างเมืองแห่งใหม่ให้นามว่า เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 1839 เรียกสั้นๆ ว่า นครเชียงใหม่ พญามังรายได้ย้ายเมืองหลวง จากเวียงกุมกามสถาปนาเมืองใหม่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการปกครอง ของอาณาจักรล้านนามีอำนาจเหนือ ดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำกก ถึงแม่น้ำโขงตอนกลางจนถึงหัวเมืองไทยใหญ่ (เงี้ยว) 11 หัวเมืองลุ่มแม่น้ำสาละวินพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อทรงเสด็จออกตลาด โดยมี อสุนีบาตต้องพระองค์สิ้นพระชนม์ เชื่อกันว่าเป็นปาฏิหารย์ของ พระนางอั้วมิ่งเวียงไชย
อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นที่ยอมรับของอาณาจักรข้างเคียง พญามังรายทรงเป็นปฐมวงศ์กษัตริย์ราชวงศ์มังราย มีกษัตริย์สืบเชื้อสายถึง 18 พระองค์ จนถึง พ.ศ. 2101 ล้านนาสูญเสียความเป็น เอกราชให้แก่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งพม่า ตำนานจามเทวีโบราณได้บันทึกไว้ว่า ฤาษีวาสุเทพ เป็นผู้สร้างเมืองหริภุญชัยขึ้นในปี พ.ศ.๑๓๑๐ แล้วต่อมาได้อัญเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ขอมจากเมืองละโว้ขึ้นไปครองเมืองหริภุญชัย ในครั้งนั้นพระนางจามเทวี ได้นำพระสงฆ์ นักปราชญ์ และช่างศิลปะต่าง ๆ ขึ้นไปด้วยเป็นจำนวนมาก ราวหมื่นคน พระนางได้ทำนุบำรุงและก่อสร้างบ้านเมือง ทำให้ เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) นั้นเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ต่อมาพระนางได้สร้างเขลางค์นคร(ลำปาง)ขึ้นอีกเมืองหนึ่งให้เป็นเมืองสำคัญ สมัยนั้นปรากฏมีการใช้ภาษามอญโบราณในศิลาจารึกขอ หริภุญชัย มีหนังสือหมานซูของจีนสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงนครหริภุญไชยไว้ว่า เป็น“อาณาจักรกษัตริย์หญิง นู หวาง โก่ว”
ต่อมาพ.ศ.๑๘๒๔ พระเจ้าเม็งรายมหาราช กษัตริย์ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ได้ยกกองทัพเข้ายึดเอาเมืองหริภุญชัยจากพระยายีบาได้ใน ต่อจากนั้นอาณาจักรหริภุญชัยจึงสิ้นสุดลงหลังจากรุ่งเรืองมา 618 ปี มีกษัตริย์ครองเมือง 49พระองค์