วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติผู้ก่อตั้ง

              
                      พญามังราย


                       พระราชประวัติ

พญามังรายเป็นโอรสของพระเจ้าลาวเม็งเชื้อสายวงศ์ลาวจังราชเจ้าผู้ครองหิรัญนครเงินยาง(อ.เชียงแสนปัจจุบัน) กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง ราชธิดาของท้าวรุ่งแก่นชายเจ้าเมืองเชียงรุ่ง ท้าวรุ่งแก่นชายทรงตั้งพระนามพระธิดาใหม่ว่าพระนางเทพคำ ข่ายหรือเทพคำขยายเพื่อเป็นมงคลนาม พญามังรายเป็นเชื้อสาย ของพระเจ้าลวจังกราชปกครองชนเผ่าไทยยวน ซึ่งมีอาณาจักร ของตนเรียกอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง ได้สร้างเมืองหิรัญนครเงินยางเป็นเมืองหลวงขึ้นทีริมฝั่งแม่น้ำโขงเมื่อประมาณ พ.ศ. 1182 พญามังรายประสูติวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ สัมฤทธิ์ศกจุลศักราช 600 (พ.ศ. 1781) เวลาย่ำรุ่ง พญามังรายมีโอรส 3 องค์ ได้แก่ เจ้าขุนเครื่อง เจ้าขุนคราม (ไชยสงคราม) และเจ้าขุนเครือ พญามังรายสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 1860 รวมพระชนมายุ 79 ชันษา พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งล้านนาไทยและเป็นยุคเดียวกับพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พระร่วง) แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสองพระองค์ยังเป็นพระสหายร่วมสาบานเดียวกันอีกด้วย 

พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งล้านนาไทยและเป็นยุคเดียวกับ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พระร่วง) แห่ง กรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสองพระองค์ยังเป็นพระสหายร่วมสาบานเดียวกันอีกด้วย
พระเจ้าเม็งรายมหาราชได้พระสูติเมื่อ พ.ศ.1782 ในเชื้อพระวงศ์ ทรงพระนามว่า "เม็งราย" พระบิดาทรงพระนามว่า พระเจ้าลาวเม็ง (ขุนลาวเม็ง)หรือขุนลาวเมือง มารดาคือนางเทพคำขยาย (พระนางเทพคำข่าย หรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง) กษัตริย์ผู้ครองเมืองหิรัญนครเงินยางปัจจุบันเป็นอำเภอเชียงแสน
จ.เชียงราย
เมื่อพระชมน์มายุได้ 21 พรรษา ได้เสวยราชย์ที่เมืองหิรัญนครเงินยาง
พ.ศ.1802 เจ้าเมืองทั้งหลายในแคว้นล้านนา ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์
พ.ศ.1805 ทรงสร้างเมืองใหม่ โดยเอาดอยจอมทองเป็นกำแพง ขนานนามว่า "เมืองเชียงราย" (ปัจจุบัน จ.เชียงราย)
พ.ศ.1811 ทรงสร้างเมืองใหม่ขึ้น ณ ตำบลฝาง (ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
มีพระราชโอรส 3 พระองค์ คือ เจ้าขุนเครื่อง เจ้าราชบุตรคราม เจ้าราชบุตรเครือ
พ.ศ.1814 - 1824 ยกทัพตีเมืองหริภุญชัยได้ (ปัจจุบัน จ.ลำพูน)
พ.ศ.1819 ยกทัพตีเมืองพะเยา (ปัจจุบัน จ.พะเยา) พญางำเมือง ผู้ครองเมืองพะเยาต้อนรับด้วยไมตรีและเป็นมิตรต่อกัน 4 ปีต่อมา พระขุนรามคำแหงมหาราช พระเจ้าเม็งรายมหาราชและพญางำเมือง ได้กระทำสัตย์ปฏิญานต่อกัน โดยทรงเอาโลหิตที่นิ้วพระหัตถ์ผสมน้ำสัตย์เสวยทั้ง 3 พระองค์ว่าจะไม่เบียดเบียนกันตลอดชีวิต สถานที่นี้เรียกว่าแม่น้ำอิงจ.พะเยา
พ.ศ.1829 ทรงสร้างเมืองกุมกาม (ปัจจุบัน ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่)
พ.ศ.1833 - 1834 ยกทัพไปตีเมืองพุกามพม่าได้สำเร็จ ได้พาเอาช่างฝีมือมาทำงานที่อาณาจักรล้านนา
พ.ศ.1839 ทรงสร้างเมืองใหม่ ขนานนามว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" (ปัจจุบัน จ.เชียงใหม่) ทรงปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งรายและสถาปนาอานาจักรล้านนา ในปีเดียวกันทรงสร้างวัดเชียงมั่น และวัดพระเจ้าเม็งราย (ก๋าละก้อด)
พ.ศ.1860 พระชนมายุได้ 78 พรรษา ได้เสด็จสวรรคตที่ต้นโพธิ์กลางเวียง จึงมีประเพณีมิให้นำศพผ่านกลางเวียงตั้งแต่บัดนั้นมา

การศึกษา
ทรงศึกษาศิลปศาสตร์และยุทธพิชัยสงคราม จากพระอาทิตย์ที่พระบิดาหาให้ และศึกษาวิชากับเทพอิสีฤๅษี ณ ดอยด้วน (อยู่ในเขตอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย) และศึกษาร่วมสำนักเดียวกันกับพ่อขุนรามคำแหงและพ่อขุนงำเมือง ณ เขาสมอคอน ละโว้ (ลพบุรี) 

พระราชกรณียกิจ
เมื่อพระชนมายุได้ 20 ชันษา พระเจ้าลาวเม็งสวรรคต พญามังรายเสวยราชสมบัติปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางสืบต่อมา นับเป็นราชกาลที่ 25 แห่งราชวงศ์ลวจังกราช เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติแล้วก็ทรงพระราชดำริว่า แว่นแคว้นโยนก ประเทศนี้ มีท้าวพระยาหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของปู่เจ้าลาวจก (ลวจังกราช) ต่างก็ปกครองอย่างสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกประการหนึ่งบ้านเมืองใด หากมีผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองมากเจ้าหลายนายก็มักจะสร้างความทุกข์ยากให้แก่ ไพร่บ้านพลเมืองของตน และถ้าหากมีศัตรูต่างชาติเข้าโจมตีก็อาจจะเสียเอกราชของชนชาติไทยได้โดยง่าย
ฉะนั้นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง พญามังรายจึงมีพระประสงค์ที่จะรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วิธีดำเนินตามนโยบายก็คือ แต่งพระราชสาสน์ไปถึงบรรดาหัวเมืองต่างๆ ให้เข้ามายอมอ่อนน้อมในบรมโพธิสมภารของพระองค์เสียแต่ โดยดีหาไม่แล้วพระองค์จะทรงยกกองทัพไปปราบปราม
พ.ศ. 1805 พญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงรายโดยการก่อกำแพงเมืองโอบเอาดอยจอมทองไว้ท่ามกลางเมือง ต่อมาตีได้เมืองของ ชาวลัวะคือ ม้งคุมม้งเคียนแล้วขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงตุง
พ.ศ. 1818 ขณะที่ประทับที่เมืองฝาง ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างมาแต่ครั้งพระเจ้าลวจังกราช เมืองฝางมีอาณาเขตติดต่อกับอาณาจักรหริภุญชัย ของพญายีบา พญามังรายทรงทราบเรื่องราวของความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ของเมืองหริภุญชัย พระองค์ทรงมอบ ให้อ้ายฟ้าขุนนางเชื้อสายลัวะเป็นผู้รับอาสาเข้าไปเป็นไส้ศึกทำกลอุบายให้พญายีบามาหลงเชื่อ และทำให้ชาวเมืองหริภุญชัยเกลียดชัง พญายีบา พญามังรายทรงมุ่งมั่นที่จะขยายพระราชอำนาจเหนือดินแดนลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนให้ได้ จึงมอบเมือง เชียงรายให้แก่เจ้าขุน เครื่องปกครอง ส่วนพระองค์มาประทับที่เมืองฝาง
ต่อมาพระองค์ทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองพม่า แต่ด้วยเกรงในพระราชอำนาจ จึงถวายพระนางปายโคเป็นพระมเหสี เมื่อพระนางอั้วมิ่งเวียงไชยทราบก็ทรงสลดพระทัย เนื่องจากทรงระลึกได้ว่าพญามังรายทรงผิดคำสาบาน ที่พระองค์ทรงสาบาน ในเมื่อประทับ อยู่ที่เชียงแสนว่า จะมีมเหสีเพียง พระองค์เดียว พระนางจึงสละพระองค์ออกจากพระราชวัง ออกบวชชี ซึ่งเชื่อกันว่า ต่อมาบริเวณที่พระนางไปบวชนั้น เป็น เวียงกุมกาม

        พ.ศ. 1824 อ้ายฟ้าสามารถทำการได้สำเร็จ โดยหลอกให้พญายีบาเดินทางไปขอกำลังพลจากพญาเบิกเจ้าเมืองเขลางค์นคร พญามังรายจึงสามารถเข้าเมืองหริภุญชัยได้พระองค์ทรงมอบเมืองหริภุญชัยให้อ้ายฟ้าปกครอง ส่วนพระองค์ได้มาสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่ง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือให้ชื่อว่า เมืองกุมกาม หรือเวียงกุมกาม ต่อมาพญามังรายทอดพระเนตรชัยภูมิระหว่าง
ดอยสุเทพ ด้านตะวันตกกับแม่น้ำปิง ด้านตะวันออก ทรงพอพระทัยจึงเชิญพระสหาย คือ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) และพญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา มาร่วมปรึกษาหา รือการสร้างเมืองแห่งใหม่ให้นามว่า เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 1839 เรียกสั้นๆ ว่า นครเชียงใหม่ พญามังรายได้ย้ายเมืองหลวง จากเวียงกุมกามสถาปนาเมืองใหม่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการปกครอง ของอาณาจักรล้านนามีอำนาจเหนือ ดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำกก ถึงแม่น้ำโขงตอนกลางจนถึงหัวเมืองไทยใหญ่ (เงี้ยว) 11 หัวเมืองลุ่มแม่น้ำสาละวิน
พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อทรงเสด็จออกตลาด โดยมี อสุนีบาตต้องพระองค์สิ้นพระชนม์ เชื่อกันว่าเป็นปาฏิหารย์ของ พระนางอั้วมิ่งเวียงไชย
อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นที่ยอมรับของอาณาจักรข้างเคียง พญามังรายทรงเป็นปฐมวงศ์กษัตริย์ราชวงศ์มังราย มีกษัตริย์สืบเชื้อสายถึง 18 พระองค์ จนถึง พ.ศ. 2101 ล้านนาสูญเสียความเป็น เอกราชให้แก่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งพม่า
ตำนานจามเทวีโบราณได้บันทึกไว้ว่า ฤาษีวาสุเทพ เป็นผู้สร้างเมืองหริภุญชัยขึ้นในปี พ.ศ.๑๓๑๐ แล้วต่อมาได้อัญเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ขอมจากเมืองละโว้ขึ้นไปครองเมืองหริภุญชัย ในครั้งนั้นพระนางจามเทวี ได้นำพระสงฆ์ นักปราชญ์ และช่างศิลปะต่าง ๆ ขึ้นไปด้วยเป็นจำนวนมาก ราวหมื่นคน พระนางได้ทำนุบำรุงและก่อสร้างบ้านเมือง ทำให้ เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) นั้นเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ต่อมาพระนางได้สร้างเขลางค์นคร(ลำปาง)ขึ้นอีกเมืองหนึ่งให้เป็นเมืองสำคัญ สมัยนั้นปรากฏมีการใช้ภาษามอญโบราณในศิลาจารึกขอ หริภุญชัย มีหนังสือหมานซูของจีนสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงนครหริภุญไชยไว้ว่า เป็นอาณาจักรกษัตริย์หญิง นู หวาง โก่ว

        ต่อมาพ.ศ.๑๘๒๔ พระเจ้าเม็งรายมหาราช กษัตริย์ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ได้ยกกองทัพเข้ายึดเอาเมืองหริภุญชัยจากพระยายีบาได้ใน ต่อจากนั้นอาณาจักรหริภุญชัยจึงสิ้นสุดลงหลังจากรุ่งเรืองมา 618 ปี มีกษัตริย์ครองเมือง 49พระองค์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก

ผู้ติดตาม